วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

วิสุทธิวาจา : พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)


นอกจากการสั่งสอนลูกศิษย์และญาติโยมให้รักการทำ
สมาธิภาวนาแล้ว หลวงปู่ท่านยังเมตตาสั่งสอนพระภิกษุสามเณรให้
สังวรในศีลและปฏิบัติตามพุทธวจนะอย่างเคร่งครัด และสั่งสอน
อุบาสก อุบาสิกา และญาติโยม ให้เป็นคนดี ให้อยู่ในศีลในธรรม
เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และยังสอนให้
รู้จักสร้างบุญ สร้างบารมี สะสมไว้เพื่อประโยชน์ในภพชาติเบื้องหน้า
อีกด้วย ดังปรากฏอยู่ในพระธรรมเทศนาบางตอนของท่าน

“...ภิกษุบริโภคด้วยความเป็นหนี้ จะต้องตายไป
เป็นวัวให้เขาใช้ เป็นควายให้เขาขี่ เป็นม้าให้เขาขี่ เป็นช้าง
ให้เขาขี่ สูงขึ้นไปกว่านั้น ไกลไปกว่านั้น ตายไปเป็นบ่าว
เป็นทาสเขา เป็นมนุษย์มาเป็นบ่าวเป็นทาสเขา มาเป็น
คนใช้เขา เขาไม่อยากใช้ก็อยากให้ใช้นัก ไปทำอาสาเขาเฉย
เท่านั้นแหละ เพราะเป็นหนี้เขาแล้ว บริโภคด้วยความเป็นหนี้เขาแล้ว...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องหิริโอตตัปปะ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๗)

“...พวกที่ไม่สำรวม เห็นอารมณ์งาม ไม่รู้จักประมาณ
ในการใช้สอย ไม่มีศรัทธา เป็นคนเกียจคร้าน พวกเหล่านี้
เป็นลูกศิษย์ของพญามารทั้งนั้น ไม่ใช่ลูกศิษย์ของพระ...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสังวรคาถา ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๙๗)

“...ศาสนาพุทธนี้อยู่ได้ด้วยการให้ ถ้าเลิกให้เสียสัก
เดือนเดียว ข้าวปลาอาหารไม่ให้กันละ หยุดกันหมดทั้ง
ประเทศ ทุกบ้านทุกเรือนไม่ให้กันละ ศาสนาดับ พระเณรสึก
หมด หายหมดไม่เหลือเลย ...ถ้าปราศจากการให้อย่างนี้แล้ว
เจริญรุ่งเรืองอยู่ไม่ได้ เมื่อให้ความเจริญแก่พระพุทธศาสนา
แล้ว ความเจริญก็หันเข้าสู่ตัว...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสังคหวัตถุ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๖)

“...ศีลทั้ง ๕ สิกขาบท สุราเป็นชีวิตทีเดียวหนา ถ้า
เลิกสุราไม่ได้ละก็ มารักษาศีลมันลำบากนักละ...ถ้าล่วงสุรา
เสียสิกขาบทเดียวเท่านั้นแหละ อีก ๔ สิกขาบท รักษาอยู่
ไม่ได้ สลายหมด ล้มละลายหมด...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องศีลเบื้องต่ำและศีลเบื้องสูง ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๗)

“...ถ้าว่าหัดวาจาไพเราะเสียในชาตินี้ ชาติต่อ ๆ ไป
วาจาของตนศักดิ์สิทธิ์ จะพูดอะไรสำเร็จกิจหมดทุกอย่าง
ถ้าใช้วาจาหยาบก็เท่ากับวาจาจอบตัวเอง ในชาตินี้ก็ดี
วาจาหมดอำนาจหมดสิทธิ์ ไม่มีอำนาจอะไร พูดไปก็เท่ากับ
ไม่ได้พูด พูดอะไรเป็นไม่สำเร็จ เพราะวาจาของตน ไม่ได้
บำเพ็ญกุศลทางวาจาไว้ ถ้าบำเพ็ญกุศลทางวาจาไว้แล้ว
กล่าววาจาใด วาจาศักดิ์สิทธิ์...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสังคหวัตถุ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๙๗)

“...ไม่รู้จักบริโภคโภชนาหาร ถึงกับเป็นหนี้เป็นข้า
เป็นบ่าวเขาเชียวหนา ไม่รู้จักบริโภคในโภชนาหารน่ะ คือ
ไม่รู้จักประมาณใช้สอย หาเงินเท่าไรก็ใช้ไม่พอ หาเงินเท่าไรก็หมด...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสังวรคาถา ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๙๗)

“...ตัวของตัวเองรักความบริสุทธิ์ ก็ทำความ
บริสุทธิ์ของตัวได้ ตัวเองรักความบริสุทธิ์แต่ไม่ทำบริสุทธิ์
ใส่ตัว ก็บริสุทธิ์ไม่ได้ ไม่ทำบริสุทธิ์ใส่ตัวก็ชื่อว่าไม่รักตัว
...เหมือนเรามีผ้าที่สะอาด เอาของโสโครกมาประพรมเสีย
ผ้านั้นเป็นอย่างไรบ้าง ผ้าที่สะอาดนั้นก็ดูไม่ได้...คนที่ดี ๆ
แท้ ๆ ไปประพฤติชั่วเข้าเป็นอย่างไร ก็เหมือนผ้าเปื้อน
สกปรกนั่นแหละ ใช้ไม่ได้ดุจเดียวกัน ต้องรักษาความสะอาดนั้นไว้...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสัจจกิริยาคาถา ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๙๗)

“...สิ่งทั้งหลายนั้นเมื่อเรารักษาอยู่ เมื่อเรายังมีชีวิต
อยู่ เป็นอยู่ ก็เป็นของเราอยู่ แต่พอแตกกายทำลายขันธ์
เท่านั้น สมบัติเหล่านั้นไม่ใช่ของเราเสียแล้ว กลายเป็นของ
คนอื่นเสียแล้ว ไม่ใช่ของเราจริง ๆ ในมนุษย์โลกเราผ่านไป
ผ่านมาเท่านั้นเอง ไม่ใช่เป็นบ้านเมืองของเรา ไม่เป็นถิ่น
ทำเลที่เราอยู่ เป็นทำเลที่สร้างบารมี มาบำเพ็ญทาน ศีล
เนกขัมม์ ปัญญา วิริยะ อธิษฐาน ขันติ สัจจะ เมตตาอุเบกขา เท่านั้น...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสุขที่สัตว์ปรารถนาจะพึงได้ ๑๙ กันยายน ๒๔๙๗)

“…เมื่อเราได้บุญแล้ว เราจะทำอย่างไร เราจะ
รักษาบุญอย่างไร เพราะเราไม่เห็นบุญ
เราต้องเอาใจไปจรดอยู่ที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำ
ให้เป็นกายมนุษย์ของเรา ทำใจให้หยุดนิ่ง บังคับใจให้หยุด
นิ่งว่า บุญของเรามีอยู่ตรงนี้
ถ้าไปค้าขายติดขัดขึ้น ก็ขอให้บุญช่วย นึกถึงบุญ
ตรงกลางดวงธรรมนั้น ถ้าว่ามีอุปสรรคเข้ามาแทรกแซง
อย่างใดอย่างหนึ่ง มีผู้มารุกรานเบียดเบียนประการใด ก็ขอให้บุญช่วย
สิ่งอื่นช่วยไม่ได้ ไม่ต้องไปร้องให้ใครมาช่วย ให้
เอาใจไปหยุดอยู่ศูนย์กลางตรงบุญนั่นแหละ หยุดนิ่งอยู่
อย่างนั้น บุญเป็นช่วยได้แน่นอน โดยไม่ต้องสงสัย...
(จากพระธรรมเทศนาเรื่องสัจจกิริยาคาถา ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๙๗)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น