วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

ความอัศจรรย์ของวิชชาธรรมกาย






เรื่องราวความอัศจรรย์ของวิชชาธรรมกาย ทั้งที่มีหลักฐาน
บันทึกไว้และที่เล่าขานสืบต่อกันมามีอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งในที่นี้ไม่สามารถรวบรวมไว้ได้ครบถ้วน จึงขอยกมาเพียงบางตัวอย่างเท่านั้น

พระของขวัญวัดปากน้ำ


พระของขวัญวัดปากน้ำเป็นพระผงที่หลวงปู่ทำขึ้น
เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ผู้ที่ร่วมบุญสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมกับท่าน
ใครบริจาคปัจจัย ๒๕ บาทขึ้นไป จะได้พระ ๑ องค์ แม้บริจาคเป็นพันเป็นหมื่นบาท
ก็ได้คนละ ๑ องค์ เหมือนกัน และต้องไปรับด้วยตนเองที่วัดปากน้ำ
พระของขวัญวัดปากน้ำมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์
ผู้ที่รับพระของขวัญไปต่างก็พบกับความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารต่าง ๆ นานา
บางคนรับพรไปแล้วถูกลอตเตอรี่ก็มี บางคนทำมาค้าขึ้น ร่ำรวยจนตัวเองแปลกใจ
บางคนประสบอุบัติเหตุร้ายแรง คนอื่น ๆ ที่ไปด้วยกันเสียชีวิตหมด
แต่ผู้ที่มีพระของขวัญรอดมาได้เป็นอัศจรรย์ในช่วงนั้นทหารไทยที่ไปรบที่ประเทศเกาหลี
ก่อนไปก็มักจะพากันไปรับพระของขวัญจากหลวงปู่ที่วัดปากน้ำ
เพื่อนำไปคุ้มครองปกปักรักษาให้อยู่รอดปลอดภัย
นายกุล ผ่องสุวรรณ ไวยาวัจกร  วัดปากน้ำ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“…ในตอนเย็น ๆ ข้าพเจ้ามักจะนั่งอยู่กับหลวงพ่อ ทหารที่จะไปสงครามเกาหลี
จะสะพายเป้มารับพระของขวัญแทบทุกวัน หลวงพ่อท่านประสิทธิ์ประสาทแล้ว
ท่านก็จะบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว กลับบ้านได้ คือหมายถึงไม่ตาย
บางรายเขียนจดหมายมาเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของพระของขวัญที่เขาประสบ
เช่น เขาเล่าว่าขนาดออกไปทำการยิงเผาขนกันแทบไม่เว้นแต่ละวัน ก็รอด มีชัยมาได้ทุกครั้ง...
(จากบุคคลยุคต้นวิชชา ๓)

หลังจากที่มีการแจกพระของขวัญและมีผู้คนประสบกับอภินิหารของพระของขวัญแล้ว
ต่างก็เล่าขานกันไปแบบปากต่อปาก จนกระทั่งหนังสือพิมพ์เสนอข่าว
เรื่องอภินิหารของพระของขวัญ ทำให้กิตติศัพท์พระของขวัญวัดปากน้ำยิ่งขจรขจายไปทั่ว
ทำให้มหาชนหลั่งไหลไปรับพระกันมากมายราวกับที่วัดมีงานมหรสพ
พระรุ่นแรกที่หลวงปู่สร้างขึ้นถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ (เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์)
หมดลงอย่างรวดเร็ว หลวงปู่ท่านจึงสร้างอีกสองรุ่น รุ่นละ ๘๔,๐๐๐ องค์
ซึ่งก็หมดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน


ไปนรกสวรรค์


(จากตามรอยธรรมกาย)

รื่องนี้พระทิพย์ปริญญา (ธูป กลัมพสุต) เปรียญ ๖ ประโยค อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
บันทึกไว้เมื่อ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ว่า ท่านมีโอกาสพบกับหลวงจบกระบวนยุทธ หลวงจบฯ เล่าให้พระทิพย์ปริญญา
ฟังว่า หลวงจบฯ กับภรรยาไปขอให้หลวงปู่พาไปพบพ่อตาที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว
หลวงปู่สั่งให้แม่ชีมานั่งสมาธิ เวลาผ่านไปสักครู่ แม่ชีลืมตาขึ้นและบอกว่าตนมาจากชั้นยามา หลวงปู่ถามว่า ทำบุญอะไรจึงได้ขึ้นสวรรค์ แม่ชีตอบว่าสร้างโบสถ์
หลวงจบฯ ชักตะลึงเพราะพ่อตาได้สร้างโบสถ์ไว้จริง ๆ
หลวงปู่ซักต่อไปอีกว่า มีลูกกี่คน แม่ชีตอบถูกหมดทั้งลูกหญิงลูกชาย
หลวงปู่ชี้ไปทางหลวงจบฯ แล้วถามว่านี่ใคร แม่ชีพูดว่า นี่อ้ายแช่มใช่ไหม นี่นางเครือใช่ไหม
ทั้งคู่รับว่าใช่ในที่สุดทั้งหลวงจบฯ และภรรยาก็ร้องไห้โฮเพราะคิดถึง บิดา
ความจริงแม่ชีไม่รู้จักชื่อเดิมของหลวงจบฯ หลวงปู่ ก็ไม่รู้จัก น่าแปลกที่พูดถูก


เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตาเนื้อ


(จากตามรอยธรรมกาย)

เรื่องนี้มีอยู่ในบันทึกของพระทิพย์ปริญญาเช่นกันท่านบันทึกไว้ว่า
“...เมื่อวันวิสาขบูชานี้ มีคนโจษกันมากว่า เวลาเวียนเทียนที่วัดปากน้ำ
มีคนเห็นเป็นรูปพระปฏิมากรลอยอยู่ ...
แม่ชีทวีพร เลี้ยบประเสริฐ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็กล่าวไว้ในหนังสือบุคคลยุคต้นวิชชาว่า
“…วัดปากน้ำสมัยหลวงพ่อท่านมีชีวิตอยู่ มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นเยอะมาก
มีคนเห็นพระพุทธเจ้าลอยอยู่บนฟ้า มีมาให้เห็นหลายองค์ ดูไปดูไป ก็เลือนหายไป
มีเหตุการณ์ประหลาด มีเสียงน้ำไหลแล้วก็ได้ยินเสียงสวด...
สำหรับเรื่องนี้ หลวงปู่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
 “ธรรมกายนี้วัดปากน้ำได้ค้นพบตัวจริงแล้ว จะไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้ ไปนิพพานได้ อาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่ในพระนิพพานมาให้มนุษย์เห็นที่วัดปากน้ำนี้มากมาย
ในวันมาฆบูชาและวิสาขบูชา ให้ปรากฏเห็นจริงจังกันอย่างนั้น


ยิ่งกว่าตาเห็น


(จากสมเด็จป๋าเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ)

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗
หรือที่เรียกกันว่า สมเด็จป๋าทรงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ไว้
สรุปใจความได้ว่า
ครั้งหนึ่ง สมเด็จป๋าไปฉันเพลที่วัดปากน้ำ วันนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่งถามหลวงปู่
ต่อหน้าคนจำนวนมากว่า
วันนี้จะมีผู้บริจาคสร้างกุฏิเพื่อเจริญพระกัมมัฏฐานบ้างไหมขอรับ
ขณะนั้นสมเด็จป๋ารู้สึกโกรธผู้ถามและหนักใจแทนหลวงปู่มาก แต่หลวงปู่ท่านยิ้มแย้ม
หลับตาสัก ๕ นาที แล้วตอบว่า มี
ผู้ถามยังถามย้ำอีกว่ากี่หลัง หลวงปู่ตอบว่า ๒-๓ หลัง
สมเด็จป๋าท่านหนักใจมาก ท่านคิดว่าทำไมหลวงปู่ถึงได้ตอบคำถามแบบหมิ่นเหม่
ต่ออันตรายเช่นนั้น ถ้าไม่มีใครมาบริจาคจะทำอย่างไร
ต่อมามีอุบาสกอุบาสิกากลุ่มหนึ่งเข้าไปกราบหลวงปู่
และบอกว่ามีศรัทธาจะสร้างกุฏิเล็ก ๆ สัก ๒-๓ หลัง
เมื่อพ่อค้าผู้ถามเห็นเหตุการณ์นี้ ก็กระโดดเข้าไปกราบที่ตัก หลวงปู่เลย แล้วพูดว่า
ยิ่งกว่าตาเห็น
หลังจากนั้น สมเด็จป๋ายังได้ไปสนทนาสอบถามผู้บริจาคกลุ่มนั้นว่า
นัดกับหลวงพ่อไว้หรือเปล่าคนกลุ่มนั้นบอกว่า ไม่ได้นัด
และบอกต่อไปว่า ขณะที่พวกเขาเดินมาในวัด เห็นกุฏิเล็ก ๆ สวยดี
ก็เลยอยากจะสร้างบ้าง จึงปรึกษากับพวกพ้องที่เพิ่งมาพบกันในวันนั้น
ว่าจะถวายปัจจัยให้หลวงปู่สร้างกุฏิ


จะได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์


(จากสมเด็จป๋าเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ)

หลวงปู่เคยพยากรณ์สมเด็จป๋า เมื่อครั้งที่ท่านยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมดิลกว่า
จะได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะมีพระมหาเถระรูปอื่นที่ควรจะได้เป็น
พระสังฆราชก่อนสมเด็จป๋าตามลำดับสมณศักดิ์ แต่ในพ.ศ. ๒๕๑๕
หลังจากที่หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว ๑๓ ปี สมเด็จป๋าก็ได้เป็นพระสังฆราชจริง ๆ
ตรงตามคำพยากรณ์ของหลวงปู่ ไม่ผิดเพี้ยนเลย
เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๑๕ สมเด็จป๋าเสด็จไปถวายเครื่องสักการบูชา
แด่หลวงปู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญท่านประทานพระโอวาทว่า

 “ที่มาวันนี้ ก็เพื่อจะมาถวายสักการะหลวงพ่อ ด้วยความตั้งใจของหลวงพ่อ
ได้เคยพูดไว้อย่างไร และความตั้งใจของหลวงพ่อนั้น ก็ปรากฏตามที่
หลวงพ่อได้พยากรณ์ ซึ่งขณะนี้ก็ได้เป็นพระผู้ใหญ่สูงสุดในคณะสงฆ์สมความปรารถนา
ของหลวงพ่อแล้ว จึงได้นำสักการะมาถวายหลวงพ่อเป็นกรณีพิเศษแปลกกว่าปีก่อน ๆ นั้น


องค์นี้แหละจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ


นอกจากพยากรณ์ว่า สมเด็จป๋าจะได้เป็นพระสังฆราชแล้ว หลวงปู่ท่านยังพยากรณ์อนาคต
ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นสามเณรอยู่ว่า
องค์นี้แหละจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ต่อไป
และเมื่อครั้งที่คณะศิษย์รวมทุนกันสร้างกุฏิใหม่ (ตึกมงคลจันทสร) ถวายหลวงปู่
แทนกุฏิหลังเก่าที่เก่าทรุดโทรมมากท่านก็มักจะออกมาดูการก่อสร้างเสมอ ๆ และพูดว่า
ตึกหลังนี้สร้างให้ช่วงเขาอยู่
ในเวลาต่อมาตึกหลังนี้ก็เป็นกุฏิของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ องค์ปัจจุบันจริง ๆ


หูทิพย์ ตาทิพย์

(จากที่ระลึกงานมุทิตาฉลองพัดยศพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
พระครูมงคลพัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดโบสถ์บน )

นายสมจิตร ฉ่ำรัศมี อดีตสามเณรวัดปากน้ำ เล่าว่า
เมื่อครั้งเป็นสามเณรอยู่ที่วัดปากน้ำ เคยได้ยินหลวงปู่พูดว่า...
 “ต่อไปยุคเอ็งจะได้เห็นปราสาท ๓ ฤดู หม้อดินต่อไปจะไม่ต้องหุง มีหม้อทิพย์
มีหูทิพย์ ตาทิพย์
แต่นายสมจิตรหัวเราะ เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ต่อมาในปัจจุบันนี้
มีคอนโดฯ ติดแอร์ จะทำให้ร้อนก็ได้ หนาวก็ได้ มีหม้อหุงข้าวเปิดปุ๊บติดปั๊บ
มีโทรทัศน์อยากดูอะไรก็เปิดดูได้ถ่ายทอดสดก็มี เหมือนมีตาทิพย์
ส่วนหูทิพย์ที่ท่านว่าก็คือโทรศัพท์ ที่ช่วยให้คนที่อยู่ห่างไกลกันติดต่อพูดคุยกันได้

รักษาโรค


นอกจากเรื่องความมหัศจรรย์ต่าง ๆ แล้ว หลวงปู่ยังใช้วิชชาธรรมกายรักษาโรคอีกด้วย
ท่านทดลองให้เห็นว่าวิชชาธรรมกายสามารถเป็นที่พึ่งของมนุษย์ได้จริง ๆ
โดยนำผู้ป่วยหนัก ๒ คน คนหนึ่งเป็นโรคเรื้อน อีกคนเป็นวัณโรค
ท่านให้ ๒ คนนี้ นั่งสมาธิ แล้วท่านก็ใช้วิชชาธรรมกายช่วยแก้โรคให้
จนกระทั่งผู้ป่วยหายจากโรคร้ายและยังเข้าถึงธรรมกายอีกด้วย
ผู้ป่วยที่ไปรักษาโรคที่วัดปากน้ำ จะต้องเขียนอาการของโรค ชื่อ ที่อยู่ อายุ วัน เดือน ปีเกิด
ใส่ไว้ในกล่องจากนั้นหลวงปู่ก็สั่งให้ผู้ที่ได้ธรรมกายช่วยกันแก้โรคให้
คนที่มารักษาต้องนั่งสมาธิด้วย เพื่อให้กระแสจิตเชื่อมถึงกัน การรักษาจึงจะได้ผล
ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ป่วยที่หายจากโรคเป็นจำนวนมาก ที่บรรเทาเพียงครั้งคราวก็มี
ซึ่งหลวงปู่ท่านบอกว่า ไม่หายก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนเจ็บก็มีโอกาสรู้จักวิธีปฏิบัติธรรม
กิตติศัพท์ที่หลวงปู่สามารถรักษาโรคหายแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีคนสนใจวิชชาธรรมกายและเดินทางไปขอพึ่งบารมีท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความทุกข์ของผู้คนที่ไปขอพึ่งบารมีหลวงปู่นั้น มีตั้งแต่เรื่องเกิดจนไปถึงเรื่องตาย เช่น
ใครยังไม่มีบุตร ก็ไปขอความเมตตาจากท่าน ให้ช่วยใช้วิชชาธรรมกายเลือกคนดี ๆ มาเกิด
ใครมีลูกหลานขี้โรค ก็มายกให้เป็นลูกท่านใครมีลูกหลานไม่ฉลาด
ก็มาขอบารมีให้ท่านช่วย ใครมีญาติตาย ก็มาขอให้ดูว่าไปอยู่ที่ไหน
จะต้องทำบุญอะไรให้จึงจะสมควรหลวงปู่ท่านเมตตาช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากโดยไม่เลือกหน้า
และไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ อีกทั้งยังสอนให้ผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายช่วยเหลือคน
โดยไม่หวังลาภสักการะเพราะท่านถือว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้ธรรมกายทุกคน
ที่จะต้องช่วยแก้ไขความทุกข์ยากเดือดร้อนของคนที่มาขอความช่วยเหลือ
และให้ต้อนรับพวกเขาด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ให้แสดงอาการเบื่อหน่าย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น